ที่เที่ยวหนองคาย นมัสการ 2 พญานาคราชผู้ยิ่งใหญ่แห่งลำน้ำโขง

“จังหวัดหนองคาย” เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในแอ่งสกลนครและอยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เขต 1 เป็นจังหวัดชายแดนซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดฝั่งแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับประเทศลาว จังหวัดหนองคายมีพื้นที่ค่อนข้างแคบแต่ยาว มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการชมบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา โดย ที่เที่ยวหนองคาย แต่ละที่นั้นถูกดูแลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จ.อุดรธานี นั่นเอง!

สำหรับทริปนี้เราร่วมทริปไปกับสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดอุดรธานี กับโครงการ เที่ยวสบายใจ ไปสบายดี โดยทริปเราในครั้งนี้ เราจะพาไปเยี่ยมชมความงดงามของ 2 ที่เที่ยวหนองคาย นั่นก็คือ วัดถ้ำศรีมงคลหรือวัดถ้ำดินเพียง และวัดผาตากเสื้อ นั่นเอง!

แนะนำที่พักริมแม่น้ำโขง จ.หนองคาย

สังคมริเวอร์วิว รีสอร์ท จ.หนองคาย

สังคมริเวอร์วิว รีสอร์ท ตั้งอยู่ที่ ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย เป็นรีสอร์ทที่อยู่ติดกับแม่น้ำโขงเลย ใกล้แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญคือ วัดถ้ำศรีมงคลหรือวัดถ้ำดินเพียง และวัดผาตากเสื้อ ที่เรากำลังจะไปกันนั่นเอง!

ที่นี่มีบริการห้องพักทั้งแบบเตียงเดี่ยวและเตียงคู่ มีห้องหลายแบบหลายราคาให้เราเลือกมากมาย มีบริการอาหารเช้าที่วิวของห้องอาหารนั้นอยู่ติดแม่น้ำโขง สามารถมองเห็นแม่น้ำโขงได้อย่างชัดเจน! นอกเหนือจากนั้น ที่นี่ยังมีห้องอาหารไว้ให้บริการในมื้อค่ำอีกด้วย ซึ่งเมนูอาหารนั้นจะเน้นไปทางเมนูปลาจากแม่น้ำโขง ซึ่งก็อร่อยมากๆเลย!

เราเข้าพักห้องพักแบบเตียงคู่ ซึ่งภายในห้องพักนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆไว้ให้บริการ เช่น ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น สบู่ และยาสระผม เป็นต้น โดยห้องพักที่เราเข้าพักนั้น สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำโขงอันกว้างใหญ่ไพศาลได้อย่างชัดเจน!

บริเวณใกล้ๆกับห้องทานอาหารเช้า จะมีระเบียงไม้ยื่นออกไปในแม่น้ำโขง ที่นี่เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลยล่ะ แต่วันนี้ที่เรามานั้นผมตกตลอดทั้งวันทั้งคืน เราจึงมองไม่เห็นพระอาทิตย์ เห็นแค่หมอกสีขาวๆของฤดูฝนลอยฟุ้งไปหมด!

อย่างที่เราเคยบอกไปว่า ที่นี่มีห้องอาหารไว้ให้บริการในมื้อค่ำด้วย เราขอแนะนำ หมึกผัดไข่เค็ม ต้มยำปลาคัง ลาบปลาคัง และผัดยอดทานตะวันใส่กุ้ง ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อของทางห้องอาหารนี้เลยล่ะ รสชาตินั้นอร่อยมากทีเดียว!

และอีกเมนูหนึ่งที่เราขอแนะนำเลย เป็นเมนูปลาจากแม่น้ำโขง เรามาพักถึงติดแม่น้ำโขงเลย แล้วจะไม่ลองชิมเมนูจากปลาน้ำโขงได้อย่างไร ว่าไหม ? และเมนูที่เราว่านั้นก็คือ ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ตัวปลานั้นจะกรอบนอกนุ่มใน รสชาติออกเค็มกำลังดี เมื่อกินคู่กับกระเทียมเจียวด้วยแล้วจะอร่อยสุดขีดไปเลย!

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่ …

สังคมริเวอร์วิว รีสอร์ท แอนด์ เรสเตอร์รอง
167 ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย
หมายเลขโทรศัพท์ 042-441-088 หรือ 063-361-4562
Facebook fanpage ของ สังคมริเวอร์วิว รีสอร์ท … คลิกที่นี่

เมื่อได้ที่พักกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางไปเที่ยว 2 ที่เที่ยวหนองคาย กันได้เลย!

1) วัดถ้ำศรีมงคลหรือวัดถ้ำดินเพียง – ที่เที่ยวหนองคาย

วัดถ้ำศรีมงคลหรือวัดถ้ำดินเพียง ตั้งอยู่ที่บ้านดงต้อง ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย ด้วยความเชื่อความศรัทธาเล่าขานกันต่อๆมาว่า ที่นี่คือถ้ำของ 2 พญานาคราชผู้ยิ่งใหญ่แห่งลำน้ำโขง นั่นก็คือ พ่อปู่อินทร์นาคราชและแม่ย่าเกตุนาคราช

วินาทีแรกที่เราเข้ามาภายในวัดแห่งนี้ เราสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์และความขลังของที่นี่เลยล่ะ (แอบมีความกลัวบ้างเล็กน้อย) เราจึงเกาะกลุ่มเดินตามทางกันไปเรื่อยๆ จนถึงลานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆ ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า

ก่อนอื่น เราเข้ามากราบนมัสการศาลของพ่อปู่อินทร์นาคราชและแม่ย่าเกตุนาคราชกันก่อน เชื่อกันว่าทั้ง 2 ท่านเป็น 2 พญานาคราชผู้ยิ่งใหญ่แห่งลำน้ำโขงนี้

ใกล้ๆกับศาลของพ่อปู่อินทร์นาคราชและแม่ย่าเกตุนาคราชนั้น จะเป็นปากถ้ำสำหรับลงไปสำรวจถ้ำของ 2 พญานาคราชผู้ยิ่งใหญ่แห่งลำน้ำโขงนี้!

โดยการจะลงไปในถ้ำแห่งนี้ได้ต้องให้ไกด์ประจำวัดพาไปเท่านั้น เพราะไม่มีใครสามารถระบุได้แน่ชัดว่าถ้ำแห่งนี้ลึกเพียงใด ปลายถ้ำนั้นจะไปสิ้นสุดที่ไหน แต่เชื่อกันว่าอาจจะยาวไกลจนออกแม่น้ำโขงเลยทีเดียว! แอบเล่าประวัตินิดหนึ่งว่าถ้ำนี้ถูกค้นพบด้วยความบังเอิญของ ลุงคำสิงห์ เกศศิริ ชาวบ้านท้องถิ่นแถวนี้ นั่นเอง!

ใครจะลงถ้ำนี้ เราแนะนำว่าควรเตรียมชุดที่สามารถเลอะและเปียกน้ำได้ เพราะเราอาจต้องมุดหรือคลานตามแอ่งน้ำใต้ดินด้วย ใครเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือโรคหัวใจ เราไม่แนะนำให้ลงไป เพราะอากาศภายในถ้ำนั้นมีค่อนข้างน้อย หายใจลำบาก และหากว่าใครติดรองเท้าแตะมาด้วยจะยิ่งดีเลย เพราะสามารถลุยน้ำและโคลนต่างๆได้!

เราตามขบวนลงไปในถ้ำทีละคนๆ แค่บริเวณปากถ้ำนั้นก็แคบมากแล้ว! มีบางช่วงที่เราอาจจะต้องมุด ต้องคลาน และลุยน้ำเลยด้วย เพราะบางแห่งภายในถ้ำนั้นแคบมากจริงๆ

พอเราผ่านปากถ้ำเข้ามาได้ ก็จะถึงโซนที่เรียกว่า ห้องโถงทางเข้า ห้องนี้มีการประดับไฟสีเขียวซึ่งกระทบกับก้อนหินและผนังถ้ำแล้วสวยงามมากทีเดียว โถงนี้กว้างใหญ่พอสมควร สามารถยืนและเดินได้สบายๆ

ถัดไปนั้นเราจะเจอกับ ห้องหีบศพของปู่อินทร์นาคราช ซึ่งพี่ไกด์แนะนำให้เราค่อยใช้มือจับและอธิษฐานขอพรได้ด้วย พวกเราก็ตั้งจิตตั้งใจขอพรกันใหญ่เลย!

ระหว่างทางเดินไปโถงถัดไปนั้น เราก็จะเดินผ่านโขดหินที่เรียกกันว่า ปากนกแก้ว หากใครสังเกตลักษณะของก้อนหินก้อนนี้ดีๆ ก็จะพบกับปากนกแก้ว ซึ่งเหมือนมาก ว่ากันไหม ?

บรรยากาศภายในถ้ำนั้นค่อนข้างอึมครึม ดีที่กลุ่มเรามากันเยอะกว่า 20 คน จึงไม่ค่อยรู้สึกน่ากลัวมากเท่าไหร่ เราเดินเกาะกลุ่มกันไปตามทางเรื่อยๆ และห้ามออกนอกเส้นทางเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวจะไปโผล่ที่แม่น้ำโขงโดยไม่รู้ตัว ไกด์เขาขู่เอาไว้ มีความฮาเล็กน้อย! ฮ่าๆ

และแล้วเราก็เดินมาถึง ห้องเจดีย์ หีบศพ และแท่นบูชา ห้องนี้จะเป็นห้องที่มีก้อนหิน 3 ก้อน มีรูปร่างคล้ายกับเจดีย์ หีบศพ และแท่นบูชา ตั้งเรียงรายกันอยู่ ไกด์อนุญาตให้เราจับก้อนหินเหล่านั้นแล้วอธิษฐานขอพรได้เหมือนเดิม

เราออกจากห้องเจดีย์ หีบศพ และแท่นบูชา แล้วเดินตามทางไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับห้องธิดานาคราชและห้องช้างสามเศียร ห้องเหล่านี้จะถูกประดับตกแต่งด้วยไฟสีต่างๆกัน 3 สี ซึ่งไฟทั้ง 3 สีนั้น เป็นตัวแทนของบุตรธิดาท่านทั้ง 3 องค์ เราเห็นแล้วขนลุกเลย!

เราออกจากห้องธิดานาคราชและห้องช้างสามเศียร แล้วเดินต่อมา ก็จะเจอกับ ห้องคัมภีร์ ห้องนี้จะเป็นห้องที่มีแผ่นหินเรียบๆขนาดใหญ่มาก วางอยู่บนพื้น ไกด์อนุญาตให้เราจับก้อนหินเหล่านั้นแล้วอธิษฐานขอพรได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษา หากใครได้อธิษฐานขอพรเรื่องการเรียน ก็จะเรียนเก่งขึ้นเรื่อยๆ

บริเวณข้างๆพระคัมภีร์นั้น ไกด์จะให้นำดินเหนียวจากน้ำขึ้นไปก่อให้สูงขึ้นๆด้วย ตามความเชื่อ ซึ่งเมื่อดูไปดูมามันคล้ายกับพญาปลวกเลย ว่ากันไหม ?

เราเดินกันต่อไปเรื่อยๆ ก็จะถึงห้องโถงทางออก ห้องนี้ต้องไต่เชือกขึ้นไปด้วย แล้วก็จะพบกับองค์เจดีย์เล็กๆ สีเหลืองอร่ามสว่างไสวสวยงามมากๆ ไกด์อนุญาตให้นำก้อนหินเล็กๆด้านล่าง ไปวางบริเวณฐานของเจดีย์และอธิษฐานขอพรต่างๆได้อีกด้วย

และก็มาถึงห้องสุดท้าย นั่นก็คือ ห้องปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ ที่นี่จะมีพระพุทธรูปวางเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก เราไหว้พระขอพรแล้วก็เดินต่อไป

เมื่อเดินต่อมาอีกนิดหน่อย ก็จะเจอกับแสงแดดรำไรๆ เป็นสัญญาณบ่งบอกให้เรารู้ว่า เรามาถึงทางออกของถ้ำแล้วนั่นเอง!

และแล้วเราก็ออกมาจากถ้ำได้ซักที ทางออกถ้ำนั้นเราจะต้องปีนบันไดเล็กๆขึ้นมาสูงพอสมควร เมื่อออกจากถ้ำได้นี่เราเหงื่อแตกกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นเราก็เดินกลับมาที่องค์พระใหญ่ ล้างหน้าล้างตัว กราบลาพระและออกเดินทางกันต่อไป

2) วัดผาตากเสื้อ – ที่เที่ยวหนองคาย

วัดผาตากเสื้อ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่สงบเงียบอยู่บนเนินเขา อยู่ไม่ไกลจากวัดถ้ำดินเพียงที่เราไปมาเมื่อกี้นี่เอง ถือเป็นวัดที่มี Sky walk ที่เป็นกระจกใสแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย

เรามาดู หน้าผาตากเสื้อ กันก่อนเลย ที่นี่จะมีหน้าผาเล็กๆ ยื่นออกไปชมวิวสองฝั่งโขงไทยลาวด้วย โดยบริเวณหน้าผานี้ค่อนข้างอันตรายและแคบมากพอสมควร ให้ใช้ความระมัดระวังกันด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้น จุดชมวิวบริเวณหน้าผาแห่งนี้สวยที่สุดมากจริงๆ สามารถมองเห็นลำน้ำโขงได้อย่างชัดเจน!

เรามาดูฝั่ง Sky walk กันบ้าง โดยฝั่ง Sky walk นั้นจะอยู่ที่ตัววัด ถัดไปจากหน้าผาตากเสื้อ โดย Sky walk แห่งนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก!

Sky walk ที่นี่ ทำด้วยกระจกใสแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งทุ่มทุนสร้างมากกว่า 17 ล้านบาทกันเลยทีเดียว ที่นี่สามารถชมวิวเมืองหนองคายและสองฝั่งโขงได้แบบพาโนรามากันเลย และในช่วงฤดูหนาว ที่นี่จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้ด้วย ลองนึกภาพถึงหมอกบนภูทับเบิกดูแล้วจะรู้ว่าที่หนองคายนั้นก็หาดูได้เหมือนกัน อะไรจะดีขนาดนี้เนอะ! ว่าไหม ?

ที่มุมปลายสุดของ Sky walk นั้นจะเป็นมุมมหาชนมาก มีผู้คนยืนรอคิวไปถ่ายรูปที่มุมนั้นเยอะมาก เราจึงไปยืนรอต่อคิวกับเขาด้วย และเมื่อได้ไปยืนจริงๆ ความรู้สึกนั้น ทั้งเสียว ทั้งสวย ทั้งเย็น แต่โดยรวมคือดี และวิวสวยมากจริงๆ

และนี่ก็คือ 2 ที่เที่ยวหนองคาย ที่เราค่อนข้างประทับใจมากเหมือนกัน แม้บางสถานที่อาจจะน่ากลัวไปบ้าง แต่เราก็ได้เที่ยวในสถานที่ที่แปลกใหม่ออกไป จนเกิดเป็นความประทับใจในที่สุด!

หากเพื่อนๆอยากดูรีวิวทั้งหมดเกี่ยวกับ ที่เที่ยว (ประเทศไทย) ของ ไป กัน มา ยัง แล้วล่ะก็ … คลิกที่นี่